โรคภูมิแพ้ไรฝุ่น
เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราแพ้ไรฝุ่นหรือไม่
แล้วไรฝุ่น เกิดจากอะไร? อันตรายแค่ไหน? ไรฝุ่นเป็นแมงในตระกูลเดียวกับเห็บและแมงมุม มีขนาดเล็กมากมีความยาวเพียง 0.1-0.3 mm.เท่านั้น ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กมากจนมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยด้วยตาเปล่า ไรฝุ่นมักอยู่ปะปนกับฝุ่นภายในบ้าน ซึ่งสามารถอยู่ได้ทุกสภาพอากาศ แต่จะเจริญเติบโตได้ดี ในสภาพแวดล้อมอุ่นชื้น กินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร ในคนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยไรฝุ่นที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด คือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)
ไรฝุ่นทำให้เกิดภูมิแพ้ได้อย่างไร?
พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย จะมีอาการแพ้ไรฝุ่นมากเป็นอันดับหนึ่งถึงร้อยละ 70-80 มีอาการแพ้ไรฝุ่น ไรฝุ่นเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญต่อระบบทางเดินหายใจของเรา โดยไรฝุ่นและมูลที่มันถ่ายออกมา จะกระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจของเรา กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการ เช่น คัดจมูก คัน จาม น้ำมูกไหลหายใจไม่ออกไปจนถึงอาการหอบหืดตามมาได้ และในบางกรณียังกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ที่ผิวหนังได้อีกด้วย
อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- คัดจมูก
- คันจมูก จาม น้ำมูกไหล
- คันตา แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล
- คันคอ ไอ
- คันผิวหนัง เป็นผื่น
อาการที่พบในคนที่เป็นโรคหืด (Asthma) ได้แก่
- หายใจลำบาก
- แน่นหน้าอก
- หายใจมีเสียงวี๊ด
- มีอาการหอบหืดในเวลากลางคืนหรือช่วงตื่นนอน
การรักษาอาการภูมิแพ้จากไรฝุ่น
ปัจจุบันแนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้และโรคหืด ระบุว่า การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ โดยเฉพาะไรฝุ่นด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอาจไม่มีประสิทธิภาพดีเท่าที่ควรและอาจต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกัน ทั้งการออกกำลังกาย การใช้ยาไม่ว่าจะเป็นยาพ่นจมูก หรือปาก หรือการฉีดวัคซีนป้องกันภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังมีวิธีรักษาอาการแพ้ไรฝุ่น เช่น
- รักษาโดยการใช้ยา
- ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อลดอาการคันจมูก น้ำมูกไหล ผื่นแพ้
- ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (Nasal corticosteroids) เพื่อลดอาการบวมในโพรงจมูก ลดอาการคัดจมูก
- ยาสเตียรอยด์ชนิดทา (Topical corticosteroids) เพื่อลดอาการคัน อาการอักเสบบริเวณผิวหนัง โดยความแรงที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เป็น
- ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน (Oral corticosteroids) กรณีที่มีอาการแพ้รุนแรง
- ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย
2. จัดการที่ต้นเหตุ คือ กำจัดตัวไรฝุ่น
- ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยแนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น
- ใช้เครื่องกรองอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ ชนิด HEPA filter
- หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
- ควรซักทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนประมาณ 60 องซาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อฆ่าไรฝุ่น
- ควรนำเครื่องนอนออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
- ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนควรทำมาจากผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าที่มีเส้นใยถี่แน่น มีรูห่างของผ้าทอเล็กมาก ซึ่งสามารถลดการเล็ดลอดของไรฝุ่นออกมาได้
- หลีกเลี่ยงการใช้พรมหรือทำความสะอาดพรม เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น
- หรือผลิตภัณฑ์ กำจัดไรฝุ่น เช่น
ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นไรฝุ่นได้ด้วยตาเปล่า แต่มองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคะ หากไม่อยากเป็นโรคภูมิแพ้ เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะถ้าเป็นโรคนี้แล้ว คงจะรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายตัวไม่น้อย หากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดโรคที่ร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาอีกได้ ดังนั้น เราหันมาป้องกัน และลดความเสี่ยงจากไรฝุ่นกันนะคะ
ขอบคุณบทความจาก นพ.ภก. สุรสฤษดิ์ ขาวละออ,โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
สนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าสุขภาพเพิ่มเติม
มาเนกิออนไลน์ยินดีให้ความช่วยเหลือเป็นสื่อกลางให้คุณกับร้านค้าได้ติดต่อกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพื่อคุณ
Website: https://manekionline.com/
LINE ID: @manekionline (มี@ด้วยนะคะ)
E-mail: sales@manekionline.com, manekisales1@gmail.com
Tel: 02-665-6170, 090-880-6778
Fax: 02-260-3697
Share this content: